การประยุกต์ใช้เครื่องมือการตลาดออนไลน์เพื่อสังคม (Digital Marketing for Social)

ในอดีตนับได้ว่าการช่วยเหลือสังคม เป็นอะไรที่ยุ่งยากและอาจทำได้แค่บุคคล หรือสถานที่ที่ใกล้ตัวได้เท่านั้น เนื่องจากการเข้าถึงได้ยากกว่าจนปัจจุบันพูดได้เลยว่า เป็นอะไรที่ง่ายดาย ง่ายพอๆกับปลอกกล้วยเข้าปากเลยทีเดียว สิ่งที่อำนวยความสะดวกนั้นก็คือ การสื่อสารที่ทันสมัย อันได้แก่ โทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ต ทั้งสะดวกและรวดเร็ว สามารถกระจายข่าวได้อย่างแพร่หลาย และเป็นการช่วยเหลือที่เห็นผลอย่างรวดเร็ว เช่น ครอบครัวหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ เสียเลือดมาก และทางโรงพยาบาลไม่มีเลือดสำรองเพียงพอ ทางญาติจึงได้ประกาศผ่าน Facebook ขอรับบริจาคเลือด ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้รับการช่วยเหลือจากคนในสังคมเฟสบุค นับว่าเป็นหนึ่งตัวอย่างที่น่ายกย่อง แสดงถึงความมีน้ำใจของคนในสังคมไทย

การตลาดออนไลน์เพื่อมูลนิธิ

นับได้ว่าแทบจะทุกมูลนิธิ หรือสถานสงเคราะห์ต่างๆ ไม่ได้มีการตลาดออนไลน์หรือการใช้เครื่องมือการตลาดแบบดิจิตอล ที่เรียกว่า Digital Marketing เพื่อช่วยให้เข้าถึงได้ง่าย เช่น มูลนิธิที่อยู่ต่างจังหวัด ไม่ได้มีการทำ SEO (Search engine optimization) หรือ การโปรโมทเว็บไซต์ ให้อยู่ในหน้าหนึ่งของกูเกิ้ล ซึ่งต่างจากบางองค์กรหรือมูลนิธิในกรุงเทพฯ ซึ่งใช้บริการ SEO จากผู้ให้บริการ เช่น Two Bears Markeing – Bangkok SEO ก็จะช่วยส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลของมูลนิธิได้

ดังนั้น หากมีบุคคลของรัฐหรือเอกชน ช่วยซัพพอตในเรื่องนี้ จะทำให้มูลนิธิ มีเงินทุนมากพอในการดำเนินงานต่อไป เนื่องจากแต่ละองกรค์มีค่าใช้จ่ายมากมาย จึงไม่เพียงพอต่อการทำงาน สถานสงเคราะห์หรือมูลนิธิหลายแห่งถูกปิดไป เพราะไม่มีเงินใช้ในการดำเนินงาน

ยกตัวอย่างองค์กรที่มีการโปรโมทเว็บไซต์ หรือการตลาดออนไลน์

มูลนิธินกขมิ้น โดยแต่ละวันจะมีการอัพเดทความเคลื่อนไหว หรือการเชิญชวนให้ทำบุญ ไม่ว่าจะด้วยเงินหรือสิ่งของ เช่น ผ้อห่ม หมอน ผ้าอ้อมสำหรับเด็ก ทำให้มูลนิธินกขมิ้น มีสิ่งอำนวยความสะดวก และเงินทุนเพียงพอในการดำเนินการต่อไป

การโฆษณาออนไลน์แก่ผู้ยากไร้

หลายครั้งที่เราเห็น คนยากไร้แต่เราไม่รู้จะทำยังไง เมื่อก่อนหากมีคนพบเจอก็จะให้เงินเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่มีการช่วยเหลืออย่างจริงจังจากภาครัฐหรือเอกชน ผู้ยากไร้ คือ บุคคลที่ไม่มีรายได้ หรือมีความผิดปกติด้านใดด้านหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไปได้ แต่เนื่องจากการโฆษณาออนไลน์ (Online Ads) ส่วนมากมักจะเสียเงิน แต่ยังมีวิธีที่ไม่เสียเงิน คือการโพสในเฟสบุค หรือบลอค เพื่อให้มีคนช่วยเหลือ และส่งให้ภาครัฐต่อไป

ยกตัวอย่างการโฆษณาออนไลน์แก่ผู้ยากไร้

จส.100 คือ คลื่นวิทยุที่คนกรุงเทพฯหรือแท็คซี่ฟัง โดยมีการกระจายข่าวหรือรับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุบนถนนไหนหรือมีรถเสียรถพัง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถหลีกเลี่ยงรถติด อีกทั้งการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว

เด็กหลงทางและต้องการความช่วยเหลือ เนื่องจากหนูน้อยไม่สามารถพูดได้ ทำให้มีคนโพสในเฟสบุลเพื่อ ประกาศตามหาครอบครัวของเด็ก ทำให้ญาติสามารถมารับตัวเด็กได้ในวันนั้น

การเขียนบทความเพื่อสร้างสรรค์สังคม

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ มีการทำรายงานหรือการบ้านส่งอาจารย์ และมีการนำข้อมูลจากหลายๆบทความไปใช้ ทำให้เกิดการกระจายความรู้อย่างเป็นวงกว้างมากขึ้น แต่ใช้ว่าจะมีข้อมูลที่ถูกต้องเสมอไป จากผลสำรวจพบว่ามีข้อมูลแบบผิดๆ ทำให้เกิดการคลาดเคลื่อนของข้อมูลอยู่บ่อยครั้ง วันนี้จะพูดถึงข้อควรระวังของการนำข้อมูลจากเว็บไซต์ หรือบทความต่างๆ

ข้อควรระวังของการนำข้อมูลจากเว็บไซต์ไปใช้

1. ควรตรวจสอบความถูกต้องข้อมูลก่อนนำไปเผยแพร่
2. เช็คและตรวจประโยคทุกครั้งเพื่อลดความคลาดเคลื่อน
3. ก่อนเผยแพร่ข้อมูล ควรตรวจสอบสถานที่หรือหมวกในการดพส เพื่อง่ายต่อการเข้าถึง
4. หากนำข้อความที่อื่นมา ควรมีการอ้างอิงหรือกล่าวถึง